Archive for the blog Category

พวงหรีด สื่อทางใจที่เกิดจากการนำดอกไม้และใบไม้มาประดับประดาให้เกิดเป็นรูปทรงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทรงกลม ทรงรี ทรงสี่เหลี่ยม ทรงสามเหลี่ยม ทรงหยดน้ำ ผู้คนส่วนใหญ่นิยมนำความสวยงามของดอกไม้เหล่านี้มาแสดงความอาลัยแก่ผู้ล่วงลับ โดยมีความเชื่อว่าเป็นการส่งดวงวิญญาณให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี และเพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลฝั่งผู้ล่วงลับอีกด้วยค่ะ
พวงหรีดดอกไม้สดเลอหรีด
พวงหรีดดอกไม้สด ถือเป็นรูปแบบพวงหรีดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมาทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะพวงหรีดดอกไม้สดของร้าน Le Wreath ที่ถูกผลิตขึ้นอย่างประณีตและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนจากฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่สั่งสมประสบการณ์มานานกว่า 10 ปี เพื่อให้ผู้รับบริการของเราทุกท่านได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ และสมเกียรติผู้ล่วงลับมากที่สุด
Le Wreath ของเรา ราคาพวงหรีดไม่แพงแถมมีคุณภาพ

LW001 – อัมพร 1
พวงหรีดดอกไม้สด อัมพร 1 โทนสีแดง ชมพู เขียว ด้วยดอกไม้นานาชนิด เช่น ดอกเบญจมาศ ดอกคาร์เนชั่น ดอกหน้าวัว สุภาพ เรียบง่าย เหมาะแก่การไว้อาลัยทุกรูปแบบ

LW002 – อัมพร 2
พวงหรีดดอกไม้สด อัมพร 2 โทนสีชมพูขาวแสนหวาน ประดับประดาด้วยดอกเบญจมาศ ดอกคาร์เนชั่น ดอกกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิส และดอกมัมคาเมล อ่อนหวาน สุภาพอ่อนโยน เหมาะแก่การไว้อาลัยทุกรูปแบบ

LW003 – อัมพร 3
พวงหรีดดอกไม้สด อัมพร 3 โทนสีขาว ชมพู เหลือง ตกแต่งด้วยดอกเบญจมาศ ดอกมัมสไปเดอร์ ดอกมัมคาเมล ดอกลิลลี่ ดอกเยอบีร่า หลากหลายสีสัน แต่ลงตัวอย่างพอดิบพอดี เหมาะแก่การไว้อาลัยในนามองค์กร หรือผู้ล่วงลับที่มีอายุไล่เลี่ยกัน

LW004 – อัมพร 4
พวงหรีดดอกไม้สด อัมพร 4 โทนสีขาว ชมพู เหลือง ตกแต่งด้วยดอกเบญจมาศ ดอกเยอบีร่า ดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่ น่ารัก หวานกำลังพอดี ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป เหมาะแก่การไว้อาลัยทุกรูปแบบ

LW005 – อัมพร 5
พวงหรีดดอกไม้สด อัมพร 5 โทนสีขาว ชมพู แดง ตกแต่งด้วยดอกเยอบีร่า ดอกคาร์เนชั่น ดอกเบญจมาศ ดอกหน้าวัว ดอกลูกตีนเป็ด สดใส สบายตา เหมาะแก่การไว้อาลัยบุคคลใกล้ชิดที่สนิทสนมกันในภพภูมินี้

LW006 – อัมพร 6
พวงหรีดดอกไม้สด อัมพร 6 โทนสีฟ้า ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิด เช่น ดอกเบญจมาศ ดอกมัมสไปเดอร์ ดอกมัมคาเมล ดอกลิลลี่ บรรเทาความเศร้าโศกให้กลายเป็นความสดใส เหมาะแก่การไว้อาลัยบุคคลใกล้ชิดที่สนิทสนมกันในภพภูมินี้

LW007 – อัมพร 7
พวงหรีดดอกไม้สด อัมพร 7 โทนสีส้ม ตกแต่งด้วยดอกเบญจมาศ ดอกเยอบีร่า ดอกมัมสไปเดอร์ ดอกสวอนแพลนท์ สดใส คลายความหดหู่ เหมาะแก่การไว้อาลัยบุคคลที่มีชื่อเสียง และอาวุโสกว่า

LW009 – อัมพร 9
พวงหรีดดอกไม้สด อัมพร 9 สดใสไปกับความคัลเลอร์ฟูลที่ประดับประดาด้วยดอกเบญจมาศ ดอกเยอบีร่า ดอกกล้วยไม้ ดอกมัมสไปเดอร์ เหมาะแก่การไว้อาลัยบุคคลใกล้ชิดที่สนิทสนม หรืออายุไล่เลี่ยกันในภพภูมินี้
บริการพิเศษหลังการขาย
ทุกการสั่งซื้อ ทั้งพวงหรีดราคาถูกและแพงจาก Le Wreath เรามีบริการถ่ายรูปให้แก่ผู้ใช้บริการทุกท่าน โดยถ่ายรูปสินค้าที่จัดตกแต่งเสร็จแล้วให้ดูก่อนจัดส่ง และถ่ายรูปยืนยันอีกครั้งเมื่อสินค้าถึงปลายทางที่กำหนด เพื่อสร้างความมั่นใจ และคลายความกังวลให้แก่ลูกค้าทุกท่านค่ะ


1. พวงหรีดพัดลมมีประโยชน์มากกว่าพวงหรีดชนิดอื่น
พวงหรีดพัดลมไม่ใช่เป็นพวงหรีดที่ใช้เพียงแค่แสดงความเคารพและความอาลัยต่อผู้ล่วงลับตลอดระยะเวลาในการจัดงานศพตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้น แต่เมื่อเสร็จสิ้นพิธีศพแล้ว พวงหรีดพัดลมยังเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ค่ะ เพียงแกะป้ายชื่อและดอกไม้ที่ตกแต่งอยู่บนส่วนต่าง ๆ ของพัดลม ไม่ว่าจะเป็นหน้ากระจัง, ส่วนบน หรือส่วนฐานปุ่มกดออก ก็ใช้งานหรือทำให้เกิดลมเย็นสบาย ๆ ทั้งแก่ตัวเองและบุคคลโดยรอบได้แล้วค่ะ
2. พวงหรีดพัดลมไม่ใช่ความงามที่ฉาบฉวยชั่วคราวเหมือนพวงหรีดดอกไม้
พวงหรีดพัดลมนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่พวงหรีดที่มีความสวยงามแบบฉาบฉวยหรือชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าและประโยชน์อย่างอื่นอีก ที่สำคัญก็คือมีความแข็งแรง ทนทาน ไม่เปราะบาง หรือเหี่ยวเฉาตามกาลเวลาเหมือนพวงหรีดดอกไม้สด ซึ่งพวงหรีดประเภทดอกไม้ทั้งแบบพวงหรีดดอกไม้สดและดอกไม้ประดิษฐ์นั้นมีความสวยงามเฉพาะตอนที่ใช้ประดับพิธีศพเท่านั้น แต่เมื่อพิธีศพเสร็จสิ้นกลับถูกนำไปทิ้งอย่างไร้ค่า

3. พวงหรีดพัดลมดูแลง่ายกว่าพวงหรีดดอกไม้สด
พวงหรีดพัดลมเป็นพวงหรีดทางเลือกใหม่ที่มีประโยชน์เช่นเดียวกับพวงหรีดประเภทอื่น ๆ อย่างพวงหรีดผ้าและพวงหรีดนาฬิกา นั่นก็คือไม่ต้องการการดูแลอะไรมากนัก ที่สำคัญเลยคือ ดูแลง่ายกว่าพวงหรีดดอกไม้สด ไม่ต้องมีคนมาคอยหมั่นรดน้ำบนดอกไม้ที่ประดับพวงหรีดบ่อย ๆ แถมไม่ต้องกลัวว่าดอกไม้สดจะเหี่ยวเฉาก่อนจบพิธีศพในวันสุดท้ายหรือชิ้นส่วนกลีบใบจะร่วงหล่นในบริเวณงานให้รกมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
4. ทำบุญให้แก่ผู้ล่วงลับเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการบริจาคพัดลม
นอกจากพวงหรีดพัดลมจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้หลังเสร็จสิ้นพิธีศพแล้วเรายังสามารถนำไปบริจาคให้แก่วัด โรงเรียน โรงพยาบาล หรือผู้ยากไร้ขาดแคลนในสถานที่ต่าง ๆ ได้อีกด้วยค่ะ ถือเป็นการทำบุญให้แก่ผู้ล่วงลับเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งอานิสงส์ของการบริจาคพวงหรีดพัดลมนั้นก็คือชีวิตมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข จิตใจเบิกบาน และปราศจากความทุกข์ร้อนหรือเรื่องไม่สบายกาย-ไม่สบายใจ เปรียบได้กับการเป่าพัดลมเพื่อไล่ความทุกข์ร้อนและความโศกเศร้าเสียใจให้ออกไปและพัดสายลมเย็น ๆ ให้เข้ามารู้สึกสบายสดชื่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ
5. พวงหรีดพัดลมมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ
พวงหรีดพัดลมมีอยู่มากมายหลากหลายรูปแบบให้เลือกเลยค่ะ ซึ่งมีความแตกต่างกันในเรื่องของขนาดพัดลม, ประเภทของดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งบนพัดลม และดีไซน์การตกแต่งของพวงหรีด อย่างเช่น พัดลมขนาด 16 นิ้ว, พัดลมขนาด 18 นิ้ว, พัดลมอุตสาหกรรม, แบบที่ใช้ดอกไม้สด และแบบที่ใช้ดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นต้น แต่ด้วยความที่มีดีไซน์การตกแต่งพวงหรีดที่หลากหลาย ทำให้ผู้สั่งซื้อพวงหรีดสามารถเลือกซื้อได้ตามงบประมาณที่วางไว้นั่นเองค่ะ
6. พวงหรีดพัดลม…ติดตั้งก็ง่าย เคลื่อนย้ายก็สะดวก
พวงหรีดพัดลมแตกต่างจากพวงหรีดประเภทอื่นก็ตรงที่สามารถนำไปติดตั้งหรือวางประดับไว้ในบริเวณต่าง ๆ ของงานได้เลย แถมยังสามารถจัดวางได้อย่างสวยงามด้วยความสูงต่ำของพัดลมที่แตกต่างกัน โดยไม่จำเป็นต้องหาขาตั้งหรือที่แขวนให้ยุ่งยากวุ่นวายเหมือนพวงหรีดประเภทอื่นอย่างเช่นพวงหรีดดอกไม้สด, พวงหรีดผ้า หรือพวงหรีดนาฬิกา และที่สำคัญเลยก็คือ สามารถเคลื่อนย้ายไปยังบริเวณต่าง ๆ ได้อย่างง่ายและสะดวก เนื่องจากพัดลมที่ใช้ทำพวงหรีดมีน้ำหนักเบา ทำให้ไม่ต้องเดือดร้อนให้หลายคนมาช่วยเคลื่อนย้ายอีกด้วยค่ะ
7. พวงหรีดพัดลมคุ้มค่าทั้งราคา คุ้มค่าทั้งประโยชน์
หากคุณต้องการสั่งพวงหรีดพัดลมเพื่อแสดงความอาลัยผู้ล่วงลับแล้วล่ะก็…ขอบอกเลยว่าคุ้มค่าสุด ๆ เลยค่ะ เพราะนอกจากราคาจะอยู่ในระดับที่จับต้องได้แล้ว ยังมีประโยชน์อีกมากมายดังที่เลอหรีดได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว เผลอ ๆ คุ้มค่ากว่าพวงหรีดดอกไม้สดที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลังเสร็จสิ้นพิธีศพซะอีกค่ะ
เมื่อทราบถึงข้อดีหรือประโยชน์ 7 อย่างของการเลือกมอบพวงหรีดพัดลม เพื่อสื่อแทนความอาลัยถึงผู้ล่วงลับกันไปแล้ว ก็อย่าลืมแวะมาเลือกชมหรือเลือกซื้อกันได้ที่ร้านเลอหรีดนะคะ เพราะนอกจากจะมีหลากหลายช่องทางการสั่งซื้อที่สะดวก เรายังมีบริการจัดส่งถึงที่โดยไม่เสียค่าจัดส่งใด ๆ เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และบางพื้นที่ในเขตปริมณฑลอีกด้วยค่ะ


เมื่อมีการทำบุญครบรอบเสียชีวิต 50 วันในบทความที่แล้ว วันนี้ Le Wreath ร้านพวงหรีดออนไลน์ก็ไม่พลาดที่จะบอกเล่าความเชื่อเกี่ยวกับการทำบุญครบรอบ 100 วันให้ทุกคนได้ทราบเช่นกัน
ขั้นตอนและวิธีการทำบุญครบ 100 วัน
การทำบุญดังกล่าวถือเป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งพิธีการดังกล่าวจะมีอยู่หลายขั้นตอนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
- 1. การแผ่เมตตา
- 2. กรวดน้ำ
- 3. ทำบุญตักบาตร
- 4. ถวายสังฆทาน
เพื่อให้ผู้ที่ล่วงลับได้รับพลังแห่งบุญกุศลอย่างเต็มที่ และเดินทางสู่ภพภูมิที่ดีขึ้นนั่นเองค่ะ
ความเชื่อของการทำบุญครบ 100 วัน
ตามความเชื่อโบราณนั้น การสิ้นสุดอายุขัยไม่ได้เป็นเพียงจุดจบในภพนี้เท่านั้น แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของอีกภพภูมิหนึ่งเพราะเชื่อกันว่า ในช่วงระหว่าง 50 วัน – 100 วัน คือ ช่วงที่ผู้ตายจะได้รับการพิพากษาว่าจะได้ไปอยู่ในภพภูมิไหน เช่น รับโทษในนรกหรือกระทะทองแดง, เกิดเป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน, เกิดเป็นมนุษย์ หรือเกิดเป็นเทวดา นางฟ้าบนสรวงสวรรค์ ซึ่งขึ้นอยู่กับผลบุญของแต่ละคนที่ทำมาเมื่ออยู่ในภพภูมิมนุษย์ ดังนั้นถ้าหากอยากให้ผู้ล่วงลับผู้เป็นที่รักของเราในภพภูมินี้ได้เดินทางไปสู่ในที่ดี ๆ สิ่งหนึ่งที่เราจะช่วยได้ คือ การหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลด้วยจิตที่ดีบ่อย ๆ นั่นเองค่ะ


จากบทความครั้งที่แล้ว เราได้พูดถึงเรื่องความเชื่อของการทำบุญครบรอบ 7 วันหลังจากเสียชีวิตกันไปแล้ว วันนี้ร้านพวงหรีดออนไลน์ Le Wreath จะพาทุกคนมาดูความหมายของการทำบุญครบรอบ 50 วันหลังจากเสียชีวิตกันบ้างค่ะ
ถึงแม้ญาติหรือคนในครอบครัวจะเสียชีวิตไปแล้วถึง 50 วัน แต่เราในฐานะคนในครอบครัวก็ยังจำเป็นที่จะต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลในวาระที่ 2 ให้อยู่นะคะ เนื่องจากวันครบรอบดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้ล่วงลับถูกผู้ที่ชื่อว่ายมทูตพาเดินทางผ่านประตูยมโลก และรอคอยขานชื่อเข้าพบพระยายมราชเพื่อรอคอยคำพิพากษาว่ามีกรรมดี กรรมชั่วมากน้อยเพียงใด และจะต้องเดินทางไปที่ประตูสวรรค์ หรือนรกนั่นเอง
วิธีการทำบุญครบรอบ 50 วัน
ระหว่างนี้สิ่งที่เราสามารถทำได้นอกจากทำบุญอุทิศส่วนกุศลเพิ่มบุญบารมีให้แก่ผู้ที่ล่วงลับแล้ว ยังสามารถนิมนต์พระสงฆ์มาสวดธรรมนิยาม ณ สถานที่ที่ผู้ล่วงลับเคยอาศัยอยู่ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
ดังนั้นการทำบุญให้ผู้ล่วงลับไม่ได้เป็นเพียงแค่ประเพณีนิยมอันทรงคุณค่าที่ทำต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่มากไปกว่านั้นมันคือคุณค่าของการอุทิศผลบุญให้ผู้เป็นที่รักของในโลกนี้ ให้ได้รับบุญเกื้อหนุนจนสามารถเดินทางสู่ภพภูมิที่ดีขึ้นได้นั่นเองค่ะ

เมื่อคนในครอบครัวเสียชีวิต สิ่งแรกที่ผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันควรต้องรีบลงมือทำเป็นอันดับแรก คือ จัดพิธีศพ เพื่อเป็นเกียรติและแสดงความอาลัยแก่ผู้ล่วงลับอันเป็นที่รักครั้งสุดท้าย
แต่นอกเหนือจากพิธีดังกล่าว Le Wreath ยังมีความเชื่อบางอย่างที่สำคัญไม่แพ้พิธีศพมาแบ่งปันทุกคน นั่นก็คือ การทำบุญในวันครบรอบวันตาย หรือที่เรียกว่า “พิธีทำบุญครบรอบวันตาย” ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระยะด้วยกัน คือ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน โดยจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่เสียชีวิตเป็นวันที่ 1 เช่น ถ้าเสียชีวิตวันจันทร์ ก็จะนับวันจันทร์เป็นวันที่ 1 เป็นต้นค่ะ
ซึ่งในแต่ละระยะ ความสำคัญก็จะแตกต่างกันออกไป สำหรับวันนี้เราจะเริ่มกันที่ระยะ 7 วันก่อน ในระยะนี้เชื่อกันว่าเป็นช่วงที่กายละเอียดเพิ่งหลุดออกจากกายหยาบ ซึ่งวิญญาณของผู้ตายจะยังคงวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ หรือสถานที่ที่คุ้นเคย ดังนั้น ผู้เป็นญาติก็จะมีโอกาสทำบุญอุทิศส่วนกุศล เพื่อเป็นการช่วยให้ดวงวิญญาณได้เดินทางไปในภพภูมิที่ดีขึ้นนั่นเองค่ะ


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อาจส่งผลกระทบให้บางท่านต้องพบเจอกับภาวะว่างงานนานหลายเดือน ทำให้ขาดรายได้อันเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีพและดูแลครอบครัว
แต่ถ้าหากใครที่รู้สึกหมดหวัง สมัครงานหลายที่แล้วไม่ได้สักที ลองพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูไหมคะ เผื่อปาฏิหาริย์มีจริง วันนี้ร้านพวงหรีดออนไลน์ Le Wreath ได้คัด 5 สถานที่ ที่ผู้คนมักไปขอพรเรื่องงานแล้วปัง ๆ เฮง ๆ มาฝากกัน จะมีที่ไหนบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย
1. ศาลท่านท้าวมหาพรหมเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์

ศาลแห่งนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เพราะตั้งอยู่ใจกลางเมืองอย่างแยกราชดำริ มีทั้งคนไทยและต่างชาติไปสักการะกันแน่นพื้นที่แทบทุกวี่วัน
ลักษณะของพระพรหม ท่านมีทั้งหมด 4 พักตร์ และ 4 ทิศ โดยแต่ละพักตร์จะให้พรต่างกัน
พักตร์ที่ 1 : ขอพรเรื่องการงาน การเรียน อำนาจบารมี
พักตร์ที่ 2 : ขอพรเรื่องที่ดิน อสังหาริมทรัพย์
พักตร์ที่ 3 : ขอพรเรื่องสุขภาพ และครอบครัว
พักตร์ที่ 4 : ขอพรเรื่องบุตร หรือ โชคลาภเงินทอง
ถ้าหากกำลังหนักใจเรื่องการงาน ก็สามารถขอพรพักตร์ที่ 1 ได้เลย แต่เราแนะนำว่าไหน ๆ ก็มาแล้ว ขอพรท่านทุกด้านเลย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
2. พระพิฆเนศ

พระพิฆเนศ ถือเป็นเทพเจ้าของศาสนาฮินดู ที่เชื่อว่าเป็นเทพแห่งศิลปะ ปัญญา และความสำเร็จ กำเนิดมาเพื่อขจัดอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง
การบูชาโดยทั่วไป ไม่นิยมถวายของคาว แต่จะเน้นไปที่ผลไม้เป็นหลัก เช่น อ้อย กล้วย สับปะรด ขนมแขก นมหรือน้ำ เป็นต้น
ส่วนสถานที่บูชาสามารถเดินทางไปได้หลายแห่งแล้วแต่ความสะดวกของท่าน ไม่ว่าจะเป็น วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก), ศาลพระพิฆเนศหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ศาลพระพิฆเนศ The Walk Kaset Nawamin, วัดสมานรัตนาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา
3. พระแม่มหาอุมาเทวี ณ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี

วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขกเป็นอีกแห่งที่ผู้คนมักเดินทางมาขอพรกันอย่างคับคั่ง เพราะมีองค์ประธานของวัดอย่างพระแม่อุมาเทวี ที่ช่วยในเรื่องของหน้าที่การงาน ความรัก แม้กระทั่งเรื่องครอบครัว
ซึ่งถ้าใครสนใจเดินทางไปไหว้ขอพร ไม่แนะนำผู้ที่มีรอบเดือน หรือการนำเนื้อสัตว์เข้าไปในบริเวณวัด เพราะตามความเชื่อถือเป็นการลบหลู่เหล่าองค์เทพเป็นอย่างมาก แต่แนะนำว่าให้เตรียมพวกดอกไม้ที่มีสีแดงหรือสีเหลือง, ขนมที่รสชาติค่อนข้างมัน หรือผลไม้ต่าง ๆ ไปถวายแทนค่ะ
4. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ เสด็จเตี่ย

เสด็จเตี่ย ถือเป็นบิดาแห่งกองทัพเรือไทย ที่สถาปนากองทัพขึ้นและทุ่มเทพระวรกายในการปฏิบัติราชการในราชนาวีไทยตลอดมา แถมยังเป็นหมอให้กับชาวบ้าน โดยดูแลผู้เจ็บป่วยอย่างไม่เลือกชั้นวรรณะและไม่รับทรัพย์สินเงินทองใด ๆ ทั้งสิ้น จึงเป็นที่รักของประชาชนในยุคนั้น และมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าท่านเป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ ที่ได้ร่ำเรียนอาคมต่างๆ กับหลวงปู่ศุข จนได้รับการยอมรับเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ด้วยความมีเมตตาเป็นอย่างมากของท่านจึงส่งผลให้ผู้คนหวังพึ่งพระบารมี จนปัจจุบันได้มีการสักการบูชาท่านขึ้น โดยผู้คนนิยมขอพรในด้านการค้าขาย ด้านการงาน ด้านการเงิน และด้านสุขภาพ
สำหรับใครที่สนใจขอพรเสด็จเตี่ย สามารถเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพณิชยการพระนครได้เลยค่ะ
5. ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิปอเต๊กตึ๊ง

พิกัดสุดท้ายอยู่ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ตั้งรูปจำลองของหลวงปู่ไต้ฮงกง ผู้เป็นภิกษุชาวจีนที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการสอนหนังสือ ช่วยคนเจ็บไข้ได้ป่วย ช่วยสร้างถนน สร้างสะพาน และยังเป็นคนที่ริเริ่มการบำเพ็ญกุศล ฌาปนกิจให้กับศพไร้ญาติ ซึ่งเป็นที่มาของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในทุกวันนี้นั่นเองค่ะ
สำหรับใครที่ต้องการขอพรในเรื่องการงาน การเรียน สุขภาพ เราเชื่อว่าหลวงปู่ไต้ฮงก็ถือเป็นอีกสถานที่พึ่งทางใจให้กับเราทุกคนได้อีกแห่งหนึ่งเลยค่ะ ซึ่งสามารถเดินทางไปยังมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ถนนพลับพลาไชยได้เลย
ทั้ง 5 พิกัดที่ร้านพวงหรีด Le Wreath ได้แนะนำทุกท่านในวันนี้นั้น ตั้งอยู่ภายในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯแทบทั้งสิ้น ท่านใดที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ลองหาเวลาว่างมาขอพรกันดูนะคะ เผื่อช่วยให้คลายเครียด คลายกังวลลงได้บ้าง


เมื่อมนุษย์สิ้นอายุขัย ร่างกายที่ไร้วิญญาณก็จะถูกนำไปเข้าพิธีตามความเชื่อของแต่ละศาสนา ซึ่งงานศพของศาสนาพุทธ เพื่อน ๆ ก็น่าจะมีความคุ้นเคยและเข้าใจกันบ้างแล้ว วันนี้ Le Wreath ร้านพวงหรีดออนไลน์ก็จะมาพูดถึงงานศพของศาสนาคริสต์กัน เผื่อใครต้องไปงานของญาติหรือคนสนิทจะได้เข้าใจ ถึงแม้ใจเราจะเป็นพุทธก็ตามนะคะ
ซึ่งงานศพของชาวพุทธนั้นหลัก ๆ ก็จะทำพิธีที่วัด โดยจะมีการรดน้ำศพ, นำร่างจัดใส่โลงศพ, มีพิธีสวดอภิธรรมศพ 1-7 วันตามความต้องการของเจ้าภาพ, พิธีฌาปนกิจศพ หรือเผาศพ, เก็บอัฐิ และลอยอังคาร เป็นต้น
ส่วนพิธีงานศพของศาสนาคริสต์นั้นหลัก ๆ จะจัดกันที่โบสถ์หรือบ้านของผู้เสียชีวิตตามกำลังของญาติ โดยจะมีการเชิญบาทหลวงไปประกอบพิธีสวดวิญญาณ และระหว่างการตั้งศพเพื่อรอประกอบพิธีกรรมทางศาสนานั้น จะต้องมีรูปไม้กางเขน เทียน และแจกันดอกไม้วางไว้ด้านศีรษะของผู้เสียชีวิต ซึ่งการรดน้ำศพของศาสนาคริสต์นั้นเป็นการใช้กิ่งไม้จุ่มน้ำมนต์และพรมไปที่ศพเพียงเล็กน้อย มีการสวดอธิษฐาน 3-7 วันตามความต้องการของเจ้าภาพ ก่อนที่จะทำพิธีฝังศพ

พิธีฝังนั้นจะมีการเชิญบาทหลวงมาทำพิธีส่งวิญญาณ และให้บรรดาญาติ ๆ ได้ทำการอำลากับผู้เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่บาทหลวงจะเสกหลุมศพ เสกน้ำมนต์ และถวายกัมมะยานที่หลุมศพ และกล่าวเชิญวิญญาณให้เดินทางออกจากโลงศพไปหาพระเจ้าในที่สุด

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนเลย คือ ศาสนาพุทธผู้ทำพิธีจะเป็นพระสงฆ์ และมีขั้นตอนการเผาศพ ส่วนศาสนาคริสต์ผู้ทำพิธีจะเป็นบาทหลวง ซึ่งไม่มีการเผาศพแต่จะเป็นการฝังศพแทนนั่นเอง ทีนี้ก็ไขความสงสัย ได้ความกระจ่างกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ วันนี้ร้าน Le Wreath ต้องขอตัวลาไปก่อน หากใครต้องการพวงหรีด ใช้บริการร้านของเราได้นะคะ มีบริการจัดส่งพวงหรีดให้ถึงที่ บริการดีดุจญาติมิตร


เมื่อมีพบก็ต้องมีจาก เป็นเรื่องที่แสนธรรมดาในชีวิตที่เราทุกคนต้องประสบพบเจอ ในวัยเด็กการจากลาอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่นำความโศกเศร้ามากระทบจิตใจ เมื่อเติบโตขึ้นความรู้สึก ความผูกพันกับใครสักคนก็อาจทำให้เราไม่อยากเสียคนเหล่านั้น และอยากให้เป็นอมตะตลอดไป แต่เมื่อมันเป็นสัจธรรมของชีวิต เราก็ต้องพร้อมยอมรับ และควรศึกษาขั้นตอนการจัดงานศพไว้ เมื่อถึงเวลาที่คนใกล้ตัวได้ลาจากโลกนี้ไป คุณจะได้ไม่ต้องกังวล และสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องราบรื่น วันนี้ Le Wreath ร้านพวงหรีดออนไลน์ ก็มีขั้นตอนการจัดงานศพมาฝาก สำหรับคนที่เป็นมือใหม่ยังไม่เคยผ่านการจัดงานศพ ห้ามพลาดบทความนี้เลยนะคะ

1. ดำเนินการแจ้งตายและขอใบมรณะบัตร
เมื่อมีผู้สิ้นลมหายใจ อันดับแรกที่ผู้เป็นญาติต้องทำ คือ การแจ้งตาย โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ เสียชีวิตที่โรงพยาบาล และ เสียชีวิตที่บ้าน ซึ่งทั้ง 2 กรณี วิธีการจะแตกต่างกันเล็กน้อย โดย
● เมื่อเสียชีวิตที่โรงพยาบาล : ทางโรงพยาบาลจะทำการออกหนังสือรับรองการเสียชีวิต เพื่อให้เราได้นำไปรวมกับเอกสารอื่น ๆ ของผู้ตาย เช่น บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อนำไปยื่นให้กับสำนักทะเบียนท้องถิ่นหรือที่ทำการเขต ให้ทำการออกใบมรณะบัตร ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเสียชีวิต
● เมื่อเสียชีวิตที่บ้าน : ผู้เป็นญาติต้องเดินทางไปแจ้งการตายที่สถานีตำรวจ เพื่อให้ออกหนังสือรับรองการเสียชีวิต หลังจากนั้นนำไปยื่นเพื่อขอใบมรณะบัตรต่อที่สำนักทะเบียนท้องถิ่นหรือที่ทำการเขต
2. ทำการติดต่อวัด เพื่อนำศพมาบำเพ็ญกุศลตามความเชื่อทางศาสนา
เมื่อได้ใบมรณะบัตรเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมา คือ การติดต่อวัดที่ต้องการนำร่างผู้เสียชีวิตไปตั้งบำเพ็ญกุศลศพ และเมื่อได้วัดที่ต้องการแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องนำขนร่างมาที่วัด โดยอาจจะติดต่อวัด หรือโรงพยาบาลให้จัดหารถให้
สิ่งสำคัญในการเคลื่อนขบวนศพนั้นควรมีญาติหรือลูกหลานของผู้เสียชีวิต ถือกระถางธูป และรูปของผู้ตายนำหน้า ส่วนด้านหลังก็ควรนิมนต์พระสงฆ์อย่างน้อย 1 รูป ถือสายสิญจน์ที่โยงออกมาหน้าโลง เพื่อชักศพและนำทางดวงวิญญาณมาที่วัด
3. พิธีรดน้ำศพ และจัดร่างที่ไร้วิญญาณใส่โลงศพ
เมื่อเคลื่อนร่างที่ไร้วิญญาณมาถึงวัดแล้ว ขั้นตอนต่อมา คือ การรดน้ำศพ โดยควรจะตั้งเตียงรดน้ำศพไว้ทางด้านซ้ายมือของโต๊ะหมู่บูชาพระรัตนตรัย และจัดให้โต๊ะหมู่บูชาอยู่ด้านบนของศีรษะผู้เสียชีวิต
จัดร่างที่ไร้วิญญาณให้นอนหงาย โดยนำผ้าห่มหรือผ้าแพรคลุมไปทั่วร่างยกเว้นบริเวณใบหน้าและมือขวา เพื่อรับการรดน้ำศพจากญาติ ๆ และผู้ที่มาร่วมแสดงความอาลัย โดยเราในฐานะที่เป็นเจ้าภาพ ต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น น้ำอบ น้ำหอม ขันขนาดเล็กสำหรับตักไปรดน้ำศพ และขันขนาดใหญ่เพื่อรองรับน้ำที่รดมือศพ
โดยความเชื่อที่มีมานาน เจ้าภาพควรจุดเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัยก่อน แล้วจึงรดน้ำศพได้ และเวลาที่เหมาะสมสำหรับพิธีนี้คือช่วง 16.00 – 17.00 น. หลังจากนั้นก็สามารถจัดร่างใส่โลงศพพร้อมทำพิธีต่อไปได้เลย โดยส่วนมากจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของวัด
4. พิธีสวดอภิธรรมศพ
ขั้นตอนนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สวดหน้าศพ เจ้าภาพสามารถตกลงกับทางวัดได้เลยว่าต้องการที่จะสวดอภิธรรมศพกี่วัน ซึ่งการสวดที่ว่านี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับ โดยส่วนใหญ่เจ้าภาพมักนิยมสวดกัน 1 คืน, 3 คืน, 5 คืน, 7 คืน เป็นต้น
5. พิธีฌาปนกิจศพ
เมื่อสวดอภิธรรมศพครบจำนวนวันที่กำหนดกับทางวัดแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องฌาปนกิจศพ หรือ เผาศพนั่นเอง แต่การที่จะเคลื่อนย้ายศพออกจากศาลาวัด จะต้องทำการแห่ศพเวียนรอบเมรุที่จะเผาก่อน โดยเริ่มจากบันไดทางขึ้นเมรุไปทางขวาทั้งหมด 3 รอบ โดยขบวนแห่ควรจะเรียงลำดับตามนี้ คือ พระ -> กระถางธูป -> รูปภาพ -> ศพ -> ญาติ
เมื่อแห่ครบ 3 รอบแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะนำโลงที่บรรจุศพตั้งไว้หน้าเมรุเพื่อให้ญาติ ๆ และผู้ที่มาร่วมงานได้กล่าวอำลาแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างนั้นจะกลายเป็นเพียงผงธุลี โดยเจ้าภาพอาจจะต้องเตรียม เครื่องไทยธรรม เครื่องไทยธรรมผ้าไตร ผ้าสบงถวายพระสวดมาติกาบังสุกุล และดอกไม้จันทน์ เมื่อทำการอำลาโดยวางดอกไม้จันทน์กันครบทุกคนแล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนการเผา
6. เก็บอัฐิ
การเก็บอัฐินั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ เก็บในวันเผา หรือ เก็บในวันรุ่งขึ้น ซึ่งขั้นตอนนี้เจ้าภาพจำเป็นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่วัดให้ทราบไว้เช่นกัน และต้องจัดเตรียมโกศบรรจุอัฐิ น้ำอบ ดอกไม้ และอาหารคาวหวานเพื่อถวายพระสงฆ์ที่มาบังสุกุลให้ โดยการเก็บอัฐิใส่โกศนั้นนิยมเก็บทั้งหมด 6 ชิ้น ได้แก่ กะโหลก 1 ชิ้น แขน 2 ชิ้น ขา 2 ชิ้น ซี่โครงหน้าอก 1 ชิ้น ส่วนอัฐิที่เหลือ นิยมกวาดรวมกันและบรรจุใส่หีบไม้และนำผ้าขาวห่อเก็บไว้ เพื่อนำไปเก็บไว้หรือนำไปลอยแม่น้ำต่อไป
7. ลอยอังคาร
เมื่อเก็บอัฐิแล้ว เจ้าภาพส่วนใหญ่นิยมนำเศษอัฐิไปลอยในแม่น้ำตามความเชื่อที่ว่า เมื่อนำอัฐิไปลอยน้ำ จะทำให้ผู้ล่วงลับสงบสุข มีชีวิตในอีกภพภูมิที่ร่มเย็นดั่งสายน้ำ และอีกหนึ่งความเชื่อที่ว่าร่างกายคนเราเกิดจากธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งเมื่อสลายแล้วก็ควรให้กลับไปอยู่ในที่เดิมที่เคยจากมา

สำหรับผู้ที่เป็นมือใหม่ และยังไม่เคยเป็นเจ้าภาพจัดงานศพมาก่อน อ่านมาจนถึงตรงนี้เชื่อว่าพอรู้หลักแล้วใช่ไหมคะว่าขั้นตอนการจัดงานศพถึงจะดูยุ่งยากสักหน่อย แต่เพื่อคนที่เรารักและเคารพนับถือต้องทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่เราจะทำให้บุคคลนั้นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตนี้แล้ว และถ้าหากใครที่ต้องการพวงหรีดแสดงความอาลัย อย่าลืมนึกถึงร้าน LeWreath ที่พร้อมบริการจัดส่งพวงหรีดฟรีถึงหน้าศาลาวัดทั่วกรุงเทพมหานครนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
www.suriyafuneral.com/พระพุทธศาสนากับพิธีกร
อย่างที่ทุกคนทราบกันว่างานศพนั้นจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติ และเป็นการระลึกถึงผู้ล่วงลับเป็นครั้งสุดท้าย จึงเปรียบเสมือนพิธีกรรมที่ทำให้เราทุกคนได้พึงนึกเสมอว่าชีวิตนั้นไม่แน่ไม่นอน ต้องหมั่นทำความดี สร้างบุญกุศลเข้าไว้ และแน่นอนว่าผู้คนที่มาร่วมงานต่างต้องมีความเศร้าโศกเสียใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งหนึ่งที่จะช่วยคลายความเศร้าหมองของญาติมิตรได้นั้น คือดอกไม้ที่ใช้ในการประดับประดาเพื่อเพิ่มความสดใสคลายความเศร้าภายในงานได้มากขึ้น ซึ่งวันนี้ร้านส่งพวงหรีด Le Wreath ก็มี 5 ดอกไม้ที่นิยมนำมาตกแต่งหน้าหีบศพมาแนะนำทุกคนกัน จะมีดอกไม้อะไรบ้างนั้นมาดูกันเลย
1. ดอกไฮเดรนเยีย
เป็นดอกไม้ที่แค่มองก็ให้ความรู้สึกสดชื่น มีความหมายเปรียบดั่งแทนคำขอบคุณทุกเรื่องที่ผ่านมาจากหัวใจ

2. ดอกกุหลาบ
แทนความรู้สึกดี ๆ ที่นิยมกันทั่วโลก โดยกุหลาบแต่ละสีมีความหมายที่ลึกซึ้งแตกต่างกันไป แต่โดยรวมสื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์แก่ผู้ล่วงลับ

3. ดอกคาร์เนชั่น
เปรียบเสมือนตัวแทนของความเป็นแม่ เนื่องจากคาร์เนชั่นดอกแรก ผลิบานเมื่อพระแม่มารีหลั่งน้ำตาในยามที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน ดังนั้น เมื่อมีการจากไปของผู้เป็นแม่ ผู้คนจึงนิยมนำดอกคาร์เนชั่นมาใช้ในการประดับตกแต่งในงานศพนั่นเอง

4. ดอกลิลลี่
ลิลลี่สีขาว นิยมนำมาใช้ประดับในงานศพมากที่สุด เพราะเปรียบเสมือนเป็นการได้ส่งผู้ล่วงลับไปในภพภูมิที่ดี ด้วยความรัก ความปรารถนาดีที่บริสุทธิ์ของคุณ

5. ดอกกล้วยไม้
ถือเป็นดอกไม้ประดับที่มีเอกลักษณ์ในตัวเอง เมื่อนำมาใช้ประดับในงานศพจะเปรียบเสมือนการส่งความคิดถึง ความห่วงใยแก่ผู้ล่วงลับ และเป็นการสื่อว่าผู้ล่วงลับจะอยู่ในใจส่วนลึกตลอดไป

ถึงดอกไม้ทั้ง 5 ชนิดนี้ จะมีเอกลักษณ์และความสวยงามแตกต่างกัน แต่สุดท้ายจุดมุ่งหมายในการนำดอกไม้มาประดับหน้าหีบศพ นั่นก็คือ การสื่อความปรารถนาดีแก่ผู้ล่วงลับเป็นครั้งสุดท้ายนั่นเองค่ะ

Credit by: https://www.baanlaesuan.com/94218/diy/easy-tips/chinesenewyear-paper
“พิธีถวายเครื่องกระดาษ” หรือเป็นที่รู้จักกันว่า “พิธีเผากระดาษเงิน กระดาษทอง” นั้นถือได้ว่าเป็นขั้นตอนลำดับสุดท้ายของการประกอบพิธีกงเต๊ก ก่อนจะนำศพไปฝังที่สุสานหรือฌาปนกิจในวันรุ่งขึ้นค่ะ ซึ่งน้อยคนนักที่จะทราบถึงประวัติที่มาและรูปแบบเครื่องกระดาษที่ใช้ รวมไปถึงขั้นตอนพิธีถวายเครื่องกระดาษค่ะ วันนี้เลอหรีดจะมาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีนี้อย่างคร่าว ๆ กันค่ะ
ประวัติที่มาของพิธีถวายเครื่องกระดาษ
ประวัติที่มาของ “พิธีถวายเครื่องกระดาษ” นั้นมีความเชื่อกันว่าเริ่มมาจากรัชสมัยของพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ (พ.ศ.1170 – 1193) ในราชวงศ์ถังค่ะ ซึ่งสาเหตุที่เริ่มนิยมถวายเครื่องกระดาษก็เป็นเพราะตอนที่พระองค์ทรงครองราชย์ใหม่ ๆ ก็ทรงห่วงใยในความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง อัครเสนาบดีเว่ยเจิงจึงถวายแผนการว่าให้พระองค์ทรงประชวรแล้ววิญญาณได้ไปท่องเที่ยวในนรกและฝูงผีเปรตได้มาห้อมล้อมพระองค์ เพื่อขอความช่วยเหลือ พระองค์รับปากว่ารอให้กลับเมืองมนุษย์ก่อนแล้วจะหาวิธีส่งเงินทองไปให้พวกเขา ด้วยเหตุนี้เองก็ทรงแนะนำส่งเสริมให้ประชาชนเผากระดาษเงิน กระดาษทองสงเคราะห์พวกเปรตด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ประการแรก ช่วยเพิ่มอาชีพและรายได้ให้แก่ประชาชน และอีกประการหนึ่งก็คือทำให้ประชาชนรู้ว่านรกและบาปบุญคุณโทษมีจริง และเตือนสติให้ประชาชนไม่ให้ทำเรื่องผิดกฎหมาย เมื่อประชาชนเชื่อว่าเป็นความจริงก็ไม่กล้าทำความชั่ว บ้านเมืองจึงกลับมาคืนสู่ความสงบสุขนับตั้งแต่นั้นมา

Credit by: https://www.baanlaesuan.com/94218/diy/easy-tips/chinesenewyear-paper
ประเภท / รูปแบบของเครื่องกระดาษ
“เครื่องกระดาษกงเต๊ก” เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากที่สุดในการประกอบพิธีกงเต๊ก เพราะเชื่อกันว่าการถวายเครื่องกระดาษหรือเผากระดาษเงิน กระดาษทองอุทิศให้ผู้ล่วงลับเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูที่เปรียบเสมือนกับการใช้หนี้เวรหนี้กรรมให้แก่ผู้ล่วงลับค่ะ สำหรับรูปแบบเครื่องกระดาษกงเต๊กในระยะแรกนั้นจะไม่ค่อยมีรายละเอียดที่ซับซ้อนนัก เนื่องจากทำเป็นกระดาษเงิน กระดาษทอง ที่มีจุดประสงค์เฉพาะเผาอุทิศให้ผู้ล่วงลับนำไปใช้หนี้สินเพียงอย่างเดียว หรือใช้เป็นค่าผ่านทางไปยังแดนปรโลกค่ะ ต่อมาก็มีการคิดประดิษฐ์พลิกแพลงเป็นข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ สำหรับให้ผู้ล่วงลับไว้ใช้สอยเช่นเดียวกับเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ เช่น กระโถน ชุดน้ำชา ชุดอ่างล้างหน้า วิดีโอ เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ซึ่งการถวายเครื่องกระดาษในการประกอบพิธีกงเต๊กนั้นส่วนมากจะนิยมเผาเฉพาะบ้าน รถ เงิน เฟอร์นิเจอร์ หีบเสื้อผ้า และคนรับใช้ค่ะ ส่วนรูปแบบของเครื่องกระดาษหรือกระดาษเงิน กระดาษทองที่ใช้ในการประกอบพิธีกงเต๊ก เพื่ออุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับ ได้แก่
- “กิมจั้ว” หรือ “งึ้งจั๊ว” เป็นกระดาษเงิน กระดาษทอง นิยมไหว้เป็นชุด โดยก่อนไหว้ ลูกหลานต้องนำมาพับเป็นรูปดอกไม้ สามารถใช้ไหว้ได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นไหว้เทพยดาฟ้าดิน หรือไหว้บรรพบุรุษ ผู้ล่วงลับค่ะ
- “กิมเตี๊ยว” เป็นแท่งทองที่ใช้สำหรับไหว้บรรพบุรุษ หรือไหว้ผู้ล่วงลับ
- “ค้อซี” เป็นกระดาษทอง โดยก่อนใช้จะพับเป็นรูปร่างก่อน เช่น พับเป็น “เคี้ยวเท่าซี” (เรือ) เพราะเชื่อกันว่าการพับเรือนี้จะมีมูลค่าสูงกว่าการพับแบบอื่น และสามารถใช้ไหว้ได้ทุกอย่าง รวมทั้งไหว้ผู้ล่วงลับด้วย โดยเฉพาะในพิธีกงเต๊ก ลูกหลานของผู้ล่วงลับจะต้องพับค้อซีให้มากที่สุด
- “อิมกังจัวยี่” เป็นแบงก์กงเต๊ก
- “อ่วงแซจิ่ว” ใช้สำหรับให้ผู้ล่วงลับเพื่อเป็นใบเบิกทางไปยังสวรรค์นั่นเอง

เลอหรีด บริการจัดส่งพวงหรีดถึงศาลาวัด จัดส่งฟรีในพื้นที่กรุงเทพฯ และนนทบุรี
ขั้นตอนพิธีถวายเครื่องกระดาษ
หลังจากทำพิธีข้ามสะพานกงเต๊กเสร็จแล้ว ลูกหลานจะนำเครื่องกระดาษที่ใช้ในประกอบพิธีทั้งหมดมาเผานอกศาลาพิธี ซึ่งอาจเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง หรือในเตาเผาเครื่องกระดาษที่ทางวัดได้จัดไว้ให้ค่ะ ทั้งนี้ลูกหลานจะต้องระมัดระวังในการขนเครื่องกระดาษมายังบริเวณที่จะทำพิธีเผาด้วยความระมัดระวังไม่ให้ฉีกขาดหรือเสียหาย ด้วยเชื่อว่าหากรูปลักษณ์ของเครื่องกระดาษเสียหายก็จะเป็นสภาพเช่นเดียวกับที่ผู้ล่วงลับได้รับค่ะ สิ่งสำคัญก็คือเครื่องกระดาษทุกชิ้นจะต้องติดชื่อป้ายประกาศผู้รับที่เป็นชื่อของผู้ล่วงลับ และชื่อลูกหลานที่เป็นผู้ส่งเอาไว้ด้วยค่ะ เพื่อแสดงกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของและป้องกันไม่ให้วิญญาณจรจัดมาแย่งชิงไปค่ะ โดยก่อนเผานี้ ลูกชายคนโตจะเป็นผู้กล่าวคำอุทิศตามพระท่าน แล้วลูกหลานทั้งหมดถือธูปคนละดอกเดินแถวรอบกองเครื่องกระดาษ เพื่อสำรวมใจอุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับแล้ววางธูปรอบกองกระดาษในการแสดงเครื่องหมายหรือขอบเขตว่าเครื่องกระดาษเหล่านี้อุทิศให้เฉพาะผู้ล่วงลับที่พวกตนกระทำพิธีให้เท่านั้น ไม่ให้ภูตผีวิญญาณจรตนอื่น ๆ เข้ามาแตะต้องเด็ดขาดค่ะ เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นพิธีกงเต๊กอย่างสมบูรณ์ค่ะ
เมื่อเพื่อน ๆ ได้ทราบถึงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติที่มา รูปแบบ และขั้นตอนพิธีถวายเครื่องกระดาษกันไปแล้ว จะเห็นได้ว่าพิธีนี้มีความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนอื่น ๆ เลย เพราะนอกจากจะช่วยให้ผู้ล่วงลับได้รับส่วนบุญกุศลแล้ว ผู้ล่วงลับยังได้รับเครื่องกระดาษต่าง ๆ ที่ลูกหลานอย่างเรา ๆ เผาไปให้ใช้ในแดนปรโลกอีกด้วยค่ะ