Archive for the blog Category
May20
วัดดังสำหรับจัดงานศพ
เราขออนุญาตแนะนำวัดดังที่คนส่วนมากนิยมจัดงานศพ และเราขอแสดงความเสียใจสำหรับการสูญเสียด้วยค่ะ
วัดตรีทศเทพ

วัดตรีทศเทพเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี โดยความหมายของคำว่า ตรี หมายถึง 3 และ ทศเทพ หมายถึง 3 องค์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ในปัจจุบันมีประชาชนนิยมจัดงานศพที่ วัดตรีทศเทพ เนื่องจากมีศาลาถึง 12 ศาลา และทุกศาลาติดเครื่องปรับอากาศ แต่ละศาลาก็มีราคาและขนาดที่แตกต่างในการรับรองแขกไม่เท่ากัน ซึ่งศาลาที่ใหญ่ก็จะมีราคาสูงกว่าศาลาเล็ก ตามค่าใช้จ่ายดังนี้
ศาลาสำหรับพิธีสวดอภิธรรมศพ
- ศาลา 1-4 ราคา 2200 บาท
- ศาลา 5 ราคา 2500 บาท
- ศาลา 7-10 ราคา 2900 – 3700 บาท
- ศาลา 11-12 ราคา 1900 บาท
และค่าใช้จ่ายสำหรับฌาปนกิจ 7,500 บาท
ค่าใช้จ่ายรับศพที่โรงพยาบาลมาที่วัด อยู่ที่ 1,500 – 2,000 บาท
Tel : 02 482 4453
Google Map : 167 แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
ร้าน เลอหรีด (Le Wreath) บริการจัดส่งพวงหรีด วัดตรีทศเทพ
วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร

วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรวิหาร คนทั่วไปเรียกว่า “วัดใหญ่”และเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย และมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในปัจจุบันประชาชนนิยมจัดงานศพที่วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหารที่มีศาลาทั้งหมด 18 ศาลา มีค่าใช้จ่ายฌาปนสถานกองทัพอากาศดังนี้
ศาลาสำหรับพิธีสวดอภิธรรมศพ
- ศาลาธรรมดา คืนละ 2,000 บาท
- ศาลาที่มีเครื่องปรับอากาศ – 2,500 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
- ค่าโลงศพ 3,000 บาท
- ค่าบำรุงเมรุ 4,000 บาท
- ค่าน้ำ ค่าไฟ (วันเผา) 2,000 บาท
- ค่าเจ้าหน้าที่วันละ 440 บาท
- ค่าของถวายพระคืนละ 1,040 บาท
- ค่าหีบศพเทพนม ข้างในบุนวมราคาตั้งแต่ 3,450 บาทขึ้นไป
- ค่าดอกไม้หน้าหีบศพนั้นราคาเริ่มต้นที่ 4,500 บาท
อาจมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม และศาลาจะเต็มตลอดทั้งเดือน ควรสอบถามเจ้าหน้าที่ให้ละเอียดถี่ถ้วน
Tel : 02 521 0311 และ 02 972 9473
Google Map : 171 ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
วัดหัวลำโพง

วัดหัวลำโพงเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เดิมมีชื่อว่า “วัดวัวลำพอง” สันนิษฐานสร้างขึ้นในสมัยตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และวัดหัวลำโพงยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัดหัวลำโพงและมูลนิธิร่วมกตัญญู ค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่างสำหรับจัด แจกแจงได้ดังนี้
3 คืน มีค่าใช้จ่ายประมาณ 60,000 บาท / 5 คืน ประมาณ 80,000 บาท / 7 คืน ประมาณ 100,000 บาท
วัดหัวลำโพงมีการเดินทางที่สะดวกสบาย เพราะตั้งอยู่ติดกับสถานีสามย่าน รถไฟฟ้ามหานคร อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ สามย่านมิตรทาวน์ จัตุรัสจามจุรี และคริสตจักรสามย่าน
Tel : 02 235 4347
Google Map : 728 ถนนพระรามที่ ๔ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
วัดธาตุทอง

วัดธาตุทอง เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ก่อตั้งเมื่อปี 2481 มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ยุคสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ก่อนจะมาตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทในปัจจุบัน ในปัจจุบันมีประชาชนนิยมมาจัดพิธีงานศพจำนวนมาก และมักเป็นคนมีชื่อเสียง เพราะมีศาลาที่มากถึง 44 ศาลา ซึ่งมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายดังนี้
ศาลาสำหรับพิธีสวดอภิธรรมศพ
- ศาลาขนาดเล็ก 1,000 บาท
- ศาลาขนาดกลาง 1,500 – 2,500 บาท
- ศาลาขนาดใหญ่ 5,000 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
- ค่าหีบศพ 6,000 บาท
- ค่าดอกไม้ตกแต่งพิธี – 5,000 บาท
- ค่าของสำหรับพิธี 500 – 1,000 บาท ต่อช่อ
- ค่าฌาปนกิจ 3,000 บาท
Tel : 02 391 9616
Google Map : ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
วัดเทพศิรินทร์

วันเทพศิรินทร์ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 31 ไร่ มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและก่อตั้งขึ้นในปี 2419 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นั้น วัดเทพศิรินทร์เป็นวัดแห่งเดียวที่มีสุสานหลวง ปัจจุบันประชาชนสามารถจัดงานศพได้ และมีทั้งหมดถึง 16 ศาลา แบ่งเป็น ศาลาเล็ก กลาง ใหญ่ ค่าเช่าศาลาอยู่ที่ 2,500 – 8,000 บาท ต่อคืน สำหรับการทำพิธีจะตกคืนละ 6,000 – 7,000 บาท และ ฌาปนกิจ 30,000 บาท
วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร อยู่ใกล้สถานีรถไฟหัวลำโพง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ใกล้สะพานกษัตริย์ศึก อยู่ในรั้วติดกับโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์
Tel : 02 621 8221
Google Map : 1464 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100
Apr01
ทำไมถึงต้องทำนายฝัน?
แน่นอนว่าทุกคนที่กำลังอ่านบทความนี้ต้องเคยฝันกันอย่างแน่นอน ทั้งฝันร้ายและดี ซึ่งบางคนตื่นขึ้นจากความฝันก็อาจจะ “ทำนายฝัน” เป็นอันดับแรก เพราะในสมัยก่อนเชื่อว่าความฝันนั้นมีความหมาย หรืออาจจะเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่าง จึงมีตำราทำนายฝันมากมาย ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปค้นหาความจริงว่าทำไมเราถึงต้องทำนายฝันกันค่ะ
ความฝันคืออะไร

ความฝันคือ การแสดงออกทางความคิด ความรู้สึก และเหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านการนอนหลับ โดยที่ในหนึ่งคืนเรามักจะฝันสองสามครั้ง หรือบางที่อาจจะฝันได้มากถึงสี่หรือหกครั้งเลยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราจะจำความฝันของเราไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังพอจะนึกออกได้บ้างในบางครั้ง
ความฝันเกิดขึ้นได้อย่างไร

ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำตอบไว้อย่างหลากหลาย ซึ่งในแต่ละทฤษฎีก็จะแตกต่างกันไป เช่น ความฝันเป็นกระบวนการจัดการของสมอง ความฝันเกิดมาจากจิตใต้สำนึก หรือ ความเครียด อารมณ์ และสิ่งที่พบเห็น โดยมักเกิดขึ้นในช่วง REM นั่นก็คือช่วงที่กล้ามเนื้อต่าง ๆ ของร่างกายเริ่มหยุดทำงาน ยกเว้นหัวใจ กะบังลม กล้ามเนื้อตา และกล้ามเนื้อเรียบ แต่สมองยังทำงานและตื่นตัวอยู่ จึงเกิดเป็นความฝันที่เป็นเรื่องเป็นราวค่ะ
ประเภทของความฝัน

ฝันแบบรู้ตัว
- เป็นการฝันที่รู้ตัวเองว่ากำลังฝันอยู่ และบางคนสามารถควบคุมเรื่องราวในความฝันได้อีกด้วย โดยการฝันแบบรู้ตัวนี้อาจเกิดจากการทำงานของสมองในส่วนจิตใต้สำนึก ความรู้สึก ความจำ และภาษา ตื่นตัวและทำงานหนักที่สุด
ฝันซ้ำ
- มักเป็นการฝันที่เกี่ยวกับความผิดพลาด หรือ ล้มเหลว ผู้เชี่ยวชาญได้บอกไว้ว่า การฝันซ้ำอาจสะท้อนถึงปัญหาในชีวิตจริงที่ยังหาทางออกไม่ได้ แต่จะหายไปเองเมื่อปัญหานั้นถูกคลี่คลาย
ฝันร้าย
เป็นความฝันที่น่ากลัว หรือสร้างความรู้สึกที่ไม่ดี โดยการฝันร้ายนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และสามารถสะท้อนถึงสิ่งที่กังวลในชีวิตจริงได้อีกด้วย เช่น ประสบการณ์เลวร้ายที่ฝังใจ ภาวะซึมเศร้า และความวิตกกังวลภายในจิตใจ
ทำไมถึงต้องทำนายฝัน

การทำนายฝันนั้นถือเป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง โดยเชื่อว่าความฝันนั้นถือเป็นลางบอกเหตุที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต การระลึกถึง การติดต่อจากสิ่งต่าง ๆ โดยการถอดวิญญาณไปยังที่อื่น ซึ่งถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล
จากเหตุผลดังกล่าว คนส่วนใหญ่จึงเลือกทำนายฝันเพื่อที่จะได้เตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือบางคนก็อาจจะเอาไปตีเป็นเลขเด็ด เพื่อเอาไปเสริมโชคลาภให้กับตนเองก็เป็นได้การทำนายฝันนั้นแบ่งได้หลากหลายศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นทางวิทยาศาสตร์ โดยจะวิเคราะห์ตามข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาอย่างต่อเนื่อง จิตวิทยาจะวิเคราะห์ถึงสภาวะจิตใจ หรือความคิดที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของคน ๆ นั้น หรือด้านศาสตร์การทำนายฝันตามความเชื่อท้องถิ่นจะวิเคราะห์เปลี่ยนไปตามสภาพสังคม และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค
ถ้าถามว่าการทำนายฝันนั้นสำคัญหรือไม่ ตามความเชื่อของศาสตร์การทำนายฝัน มักจะเกี่ยวโยงกับเรื่องของเวรกรรม โชคชะตา รวมไปถึงวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาในอดีต ดังนั้นการทำนายฝันอาจจะสำคัญสำหรับบางคนก็ได้ค่ะ
บทความเกี่ยวกับความฝันเหล่านี้ Le Wreath ตั้งใจหาข้อมูลมาแบ่งปันให้กับทุกคนที่สนใจในเรื่องการทำนายฝัน หรือบางคนที่อ่านอาจจะมีคำถามอยู่ลึก ๆ ในใจว่า “ทำไมถึงต้องทำนายฝัน” บทความนี้คงให้คำตอบกับคุณได้ไม่มากก็น้อย แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ

เครดิตรูปภาพ:https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/88559.html/amp
หากเพื่อน ๆ เคยเกิดความสงสัยว่า วัดใดที่ผู้คนให้ความนิยมจัดงานศพมากที่สุดในประเทศไทยล่ะก็ วันนี้ร้าน LE WREATH ได้ไปสืบเสาะหาข้อมูลคลายความสงสัยมาให้ทุกคนแล้วค่ะ นั่นก็คือ “วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร” นั่นเอง แต่เพราะเหตุใด ทำไมวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ถึงเป็นที่นิยมในการจัดงานศพตามมาดูกันเลยค่ะ
ประวัติความเป็นมาของวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

เครดิตรูปภาพ:www.nextsteptv.com/khongdee/วัดเทพศิรินทราวาส/
วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่ของกรุงเทพมหานคร แต่เริ่มเดิมทีนั้นพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระอารามขึ้น เพื่อทรงเฉลิมพระเกียรติและทรงอุทิศพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระบรมราชชนนีของพระองค์ (มารดา) ของพระองค์
วัดเทพศิรินทร์ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2419 โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ์ (พระองค์เจ้าชมพูนุช) เป็นผู้ออกแบบและกำกับงานก่อสร้าง กระทั่งเสร็จสิ้นลงในปี พ.ศ.2421 สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ อาราธนาพระอริยมุนีมาจากวัดบวรนิเวศมายังวัดเทพศิรินทร์ พร้อมทั้งทรงบำเพ็ญพระราชกุศล แล้วประกาศพระราชทานวิสุงคามสีมา และพระราชทานนามอารามแห่งนี้ว่าวัดเทพศิรินทราวาส ตามพระนามแห่งองค์พระราชชนนี
หลังจากนั้น ในปี พ.ศ.2439 สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสุสานหลวงไว้ภายในวัด เพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นฌาปนสถานสำหรับถวายพระเพลิงพระศพของเจ้านาย และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ไม่ได้สร้างพระเมรุมาศที่ท้องสนามหลวง และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สุสานหลวงแห่งนี้ก็ถูกใช้เป็นที่ปลงศพของประชาชนทุกชนชั้นทุกบรรดาศักดิ์ อันนับว่าเป็นสิ่งที่แปลกไปจากธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมที่จะไม่มีการสร้างฌาปนกิจสถานภายในพระอารามหลวง เหตุนี้ วัดเทพศิรินทร์จึงดำรงสถานะเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีสุสานหลวงอยู่ภายในวัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมของวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

เครดิตรูปภาพ:https://www.facebook.com/Perseus14th/photos/a.901564480175501/901566326841983/?type=3&theater
วัดเทพศิรินทร์นั้นแวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามและทรงคุณค่ามากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น
1. พระอุโบสถ
พระอุโบสถของวัดเทพศิรินทร์นั้น โดดเด่นไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามที่ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง จึงเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะการตกแต่งภายในพระอุโบสถมีความงดงามอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นเพดานด้านในพระอุโบสถที่มีการตกแต่งด้วยลายรดน้ำ ชาด และสลักด้วยลวดลายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 5 ตระกูล ซึ่งมีความวิจิตรงดงามเป็นอย่างมากและหาดูได้เพียงในพระอุโบสถวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหารเท่านั้น
2. พระนิรันตราย
พระนิรันตรายเป็นพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาไว้ที่วัดแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ. 2421 ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ที่โปรดให้สร้างถวายแก่วัดในธรรมยุตินิกาย ซึ่งก็คือวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหารแห่งนี้นี่เอง
3. พระประธาน
เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิที่รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2427 ประดิษฐานอยู่ตรงกลางปราสาทจัตุรมุข โดดเด่นด้วยสีทองอร่ามตา เป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้พบเห็น
4. พระพุทธรูปอื่น ๆ
ประกอบด้วยพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชชนนี (พระพุทธรูปยืนทรงเครื่อง ปางห้ามสมุทร สูง 1.73 เมตร) พระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ (พระพุทธรูปหล่อ ยืนทรงเครื่อง ปางห้ามพระแก่นจันทน์ สูง 1.50 เมตร) และพระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก
สุดท้ายนี้วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหารนั้นมีทั้งประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและโดดเด่นด้วยเรื่องความสวยงามของสถาปัตยกรรม จึงทำให้เป็นวัดยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยและเป็นวัดจัดงานของหลวงที่ในปัจจุบันอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปสามารถทำพิธีศพได้ โดยมีรองรับทั้งหมด 16 ศาลาด้วยกันค่ะ
อ่านมาถึงตรงนี้ หากท่านใดต้องการสั่งพวงหรีด วัดเทพศิรินทราวาส ก็สามารถสั่งกับทางร้าน LE WREATH ได้เลยค่ะ


จริงอยู่ที่ “งานศพ” เป็นพิธีและประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีเมื่อครั้งที่ผู้ล่วงลับยังมีชีวิตอยู่ และเป็นการทำสิ่งดี ๆ ให้ผู้ล่วงลับเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ดวงวิญญาณจะมลายหายไปจากโลกนี้ ซึ่งส่วนมากจะมีครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย หรือคนใกล้ชิดที่คุ้นชินมาร่วมงาน แต่เพื่อน ๆ เคยได้ยินคำเตือนโบร่ำโบราณที่กล่าวไว้ว่าหญิงสาวที่ตั้งครรภ์ไม่ควรมาร่วมพิธีศพ เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง แล้วสงสัยกันไหมคะว่าเหตุใดถึงมีข้อห้ามนี้ขึ้นมา วันนี้ Le Wreath ได้รวบรวมข้อมูลและจะมาให้ความกระจ่างแก่ทุกท่านไปพร้อม ๆ กันค่ะ
เหตุผลที่คนโบราณห้ามหญิงตั้งครรภ์ไปงานศพ
ความเชื่อนี้เป็นผลพวงมาจากการที่คนโบราณมองว่างานศพนั้น คือ พิธีที่มีแต่ความโศกเศร้าเสียใจ หากหญิงตั้งครรภ์ไปร่วมงานอาจทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่และอาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าอาจเกิดเรื่องร้ายต่อเด็กได้ เนื่องจากเด็กในครรภ์ยังเป็นจิตที่ใส สะอาด บริสุทธิ์ อาจมีวิญญาณอาศัยมาเกิด หรือถูกชักจูงนำไปอยู่ด้วย แม้กระทั่งถูกทำร้ายจนทำให้เกิดมาร่างกายไม่สมประกอบ
ทางออกเพื่อแก้เคล็ด
หากห้ามใจไม่ได้จริง ๆ โบราณท่านก็มีวิธีแก้เคล็ดบอกต่อ ๆ กันมาเช่นกัน นั่นก็คือการติดเข็มกลัดบริเวณเสื้อตรงตำแหน่งท้อง เหมือนเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันอันตรายต่าง ๆ จากเหล่าวิญญาณชั่วร้าย เมื่อจบพิธีให้รีบเดินทางกลับ และนำกิ่งทับทิมจุ่มน้ำสะอาด มาสะบัดออกจากตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายที่ติดตามมาจากงานอวมงคล
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องราวดังกล่าวเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่ Le Wreath เชื่อว่าข้อห้ามนี้อาจเป็นกุศโลบายเพื่อป้องกันหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ต้องเดินทางไกล หรือสูดดมกลิ่นของธูปเทียน น้ำอบที่อาจส่งผลให้เกิดอาการแพ้ได้นั่นเองค่ะ เชื่อไว้ไม่เสียหายเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยและคุณแม่นะคะ


เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมคะว่า ทำไมเวลามีคนเสียชีวิตจะต้องให้ผู้ชายที่เป็นคนในครอบครัวหรือคนในเครือญาติ มาโกนผมเพื่อบวชหรือที่เรียกว่า “บวชหน้าไฟ” ให้กับผู้ที่ล่วงลับ วันนี้เราจะมาช่วยตอบคำถามที่คาใจของใครหลาย ๆ คนให้กระจ่างกันค่ะ
ทำไมต้องบวชหน้าไฟ
การบวชหน้าไฟให้กับผู้ที่ล่วงลับนั้นเป็นประเพณีที่ทำสืบต่อกันมาเนิ่นนาน มีจุดประสงค์เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยส่วนใหญ่แล้วจะบวชหน้าไฟในตอนเช้าของวันเผา บวชเช้า สึกเย็น หรือจะบวช 3 วัน 7 วัน หรือมากกว่านั้นก็ได้เช่นกัน
ความเชื่อสมัยโบราณ
การบวชหน้าไฟนั้นเป็นความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ โดยเชื่อว่าถ้าลูกหลานบวชหน้าไฟให้กับผู้ที่ล่วงลับนั้นจะส่งให้พวกเขาได้รับผลบุญมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีอีกด้วย แต่ทั้งนี้การบวชหน้าไฟก็ต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจที่จะบวชด้วย เพราะหากผู้บวชไม่เต็มใจก็ไม่ควรจะทำการบวช ดังนั้นหากจะบวชต้องบวชด้วยความตั้งใจจริงเพื่อตอบแทนผู้ที่ล่วงลับ
แต่ในปัจจุบันคนรุ่นใหม่ที่อาจจะได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมชาติอื่นเข้ามาก็เริ่มจะตั้งคำถามว่า การบวชหน้าไฟ จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ ซึ่งบางคนก็อาจมองว่าพิธีนี้สำคัญและเป็นสิ่งที่สมควรทำเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทางร้านพวงหรีด LE WREATH อยากจะบอกเพื่อนๆ ว่าหากทำแล้วสบายใจก็ทำต่อไปได้ เพื่อเป็นการรักษาและสืบทอดประเพณีอันดีงามนี้ต่อไปค่ะ


สังคมไทยในปัจจุบันยังมีอีกหลายชีวิตที่กำลังรอคอยใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ทั้งด้านเยาวชน ผู้สูงอายุ การแพทย์ สาธารณประโยชน์และสิ่งแวดล้อม Le Wreath ในฐานะร้านพวงหรีดออนไลน์ของคนไทย เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม ผ่านการเป็นตัวแทนจำหน่ายพวงหรีดกระดาษแทนบุญ ที่มีต้นกำเนิดจากมูลนิธิหรีดแทนบุญ องค์กรไม่แสวงหากำไร ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมและร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
มากกว่าแสดงความอาลัย คือ การได้แบ่งปัน
หรีดกระดาษแทนบุญไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อแสดงความอาลัยต่อผู้ล่วงลับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังให้คุณเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดโลกร้อน เนื่องจากเป็นพวงหรีดที่ทำด้วยกระดาษ จึงสามารถย่อยสลายและนำไปรีไซเคิลได้ง่าย พร้อมกับได้แบ่งปันความสุขให้เพื่อนมนุษย์และช่วยเหลือสังคมของเราให้น่าอยู่มากขึ้นอีกด้วยค่ะ
ซื้อ เท่ากับ บริจาค
ทุกการซื้อพวงหรีดกระดาษแทนบุญ จะเท่ากับการได้เป็น “ผู้ให้แก่สังคม” เพราะทุกยอดการสั่งซื้อเราจะแบ่งเงินจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปบริจาคให้แก่มูลนิธิต่างๆ ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ อาทิ เช่น
ด้านเด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ
- มูลนิธิบ้านนกขมิ้น : องค์กรสาธารณประโยชน์ที่ให้การสนับสนุนในด้านการศึกษา อาหารและปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตให้กับเยาวชนที่มีปัญหาครอบครัว เร่ร่อน กำพร้า และถูกทอดทิ้ง
- มูลนิธิสันติสุข : ช่วยเหลือเด็กยากจนไร้ที่พึ่งและด้อยโอกาสทางการศึกษา เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและพัฒนาความรู้ให้พวกเขาพร้อมที่จะดำเนินชีวิตในสังคมได้ต่อไป
ด้านการแพทย์
- มูลนิธิรามาธิบดี : ศูนย์กลางระดมทุนเพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ และสนับสนุนการดำเนินงานของคณะแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อดูแลสุขภาพผู้ป่วยในทุกระดับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- มูลนิธิโรคมะเร็งโรงพยาบาลศิริราช : ช่วยผู้ยากไร้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ให้ได้รับการรักษา
- มูลนิธิโรงพยาบาลศรีธัญญา : สนับสนุนผู้ป่วยด้านจิตเวชที่มีฐานะยากจนให้ได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจจนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ด้านสังคมและสาธารณประโยชน์
- มูลนิธิชัยพัฒนา : เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้อยู่ดีกินดี และร่มเย็นเป็นสุข ช่วยเหลือประชาชนด้านเศรษฐกิจและสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และให้สามารถช่วยตัวเองและพึ่งตนเองได้โดยอันจะนำไปสู่ความมั่นคงของประเทศ
ด้านสิ่งแวดล้อม
- มูลนิธิสืบนาคะเสถียร : ดูแลพิทักษ์ป่า สัตว์ป่า และแหล่งธรรมชาติของประเทศไทยให้ความยั่งยืน
- มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า : แหล่งพักพิงดูแลสำหรับสัตว์ที่ถูกทารุณกรรมและถูกทอดทิ้ง
- มูลนิธิเดอะวอยซ์ (เสียงจากเรา) : องค์กรที่ช่วยเหลือสุนัขและแมวจรจัดที่ถูกทิ้ง ถูกทำร้าย ประสบอุบัติเหตุ ควบคู่ไปกับการผลักดันกฎหมายและนโยบายอย่างรอบด้าน
นอกจากนั้นหลังบริจาคผ่านการซื้อ คุณยังสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย และสำหรับท่านใดที่เลือกบริจาคเพื่อสมทบทุนการศึกษาให้แก่เด็กๆ จะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 2 เท่าทีเดียวค่ะ
ซื้อแบบไหน ก็ได้บริจาคเหมือนกัน
ร้านพวงหรีดออนไลน์ Le Wreath เรามีพวงหรีดกระดาษแทนบุญให้คุณได้เลือกซื้อและบริจาคด้วยกันถึง 6 แบบ ได้แก่

นิรวาน
ราคา 2,000 บาท

นันท์นภัส
ราคา 2,500 บาท

พนาทิพย์
ราคา 2,500 บาท

ผัลย์สุภา
ราคา 2,500 บาท

ศุภวารี
ราคา 3,000 บาท

สุราลัย
ราคา 3,500 บาท
ต่อจากนี้การซื้อพวงหรีดจะไม่ใช่แค่แสดงความอาลัยแด่ผู้เป็นที่รักเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสิ่งดีๆ อีกหลายต่อเพื่อเพื่อนร่วมโลก และสิ่งแวดล้อมอันเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของเราทุกคน
นึกถึงพวงหรีดเมื่อใด อย่าลืมคิดถึงพวงหรีดกระดาษแทนบุญจากร้าน Le Wreath นะคะ


“อย่านำน้ำมะพร้าวมาล้างหน้า เพราะเป็นน้ำล้างหน้าศพ” ประโยคเพียงแค่หนึ่งประโยค แต่อาจทำให้เกิดความมึนงงมาจนถึงปัจจุบัน เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็อาจยังไม่รู้คำตอบที่แท้จริงว่าทำไมถึงนำน้ำมะพร้าวมาล้างหน้าศพ และทำไมไม่ใช้น้ำเปล่า น้ำประปาปกติอย่างที่เราใช้กันอยู่ วันนี้ร้านพวงหรีดออนไลน์ Le Wreath จะมาไขข้อข้องใจให้กระจ่างยิ่งขึ้นว่าทำไมผู้คนถึงนิยมนำน้ำมะพร้าวมาล้างหน้าศพกันค่ะ

น้ำบริสุทธิ์
ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว นอกจากจะอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์หลากหลายชนิดแล้ว ผู้คนยังนิยมนำมาล้างหน้าศพอีกด้วย เพราะมีความเชื่อว่า “น้ำมะพร้าว” คือ น้ำที่สะอาดและบริสุทธิ์ที่สุด เนื่องจากมีเปลือกอันแน่นหนาคอยห่อหุ้มและกักเก็บน้ำมะพร้าวไว้อยู่หลายชั้น ซึ่งประกอบไปด้วยเปลือกมะพร้าวเป็นชั้นที่หนึ่ง, กะลามะพร้าวเป็นชั้นที่สอง และเนื้อมะพร้าวที่เรารับประทานกันเป็นชั้นสุดท้ายนั่นเอง
น้ำแห่งการชำระล้างจิตใจและอกุศลกรรม
ดังนั้น ในพิธีกรรมสำคัญของคนไทยอย่างพิธีศพ จึงไม่แปลกที่ผู้คนจะนิยมนำน้ำมะพร้าวที่ขึ้นชื่อว่า “น้ำบริสุทธิ์” มาล้างหน้าหรือทำความสะอาดให้แก่ผู้ล่วงลับก่อนขึ้นเมรุเผา เพื่อล้างอกุศลกรรมและทำให้จิตใจของผู้ล่วงลับเกิดความผ่องใส พร้อมเดินทางไปยังภพหน้าอย่างมีความสุข ค่ะ
หลังจากอ่านบทความนี้ Le Wreath เชื่อว่าทุกคนคงกระจ่างมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน และมีความรู้รอบตัวที่ดีไปบอกต่อผู้อื่นเพิ่มอีกเรื่องหนึ่งเลย
ร้านพวงหรีดออนไลน์ พร้อมบริการจัดส่งพวงหรีดทุกรูปถึงวัด สั่งเลย!



เชื่อแน่ว่าหลายคนอาจคุ้นเคยกับชื่อวัดพระศรีมหาธาตุเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นวัดที่มีชื่อเสียงย่านบางเขนแล้ว ยังเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรวิหารอีกด้วย แต่น้อยคนนักที่จะทราบประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับวัดแห่งนี้ว่าทำไมในสมัยก่อนจึงต้องเรียกว่า “วัดประชาธิปไตย” และมีความเกี่ยวข้องกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างไรบ้าง วันนี้เลอหรีดจะมาไขคำตอบในเรื่องนี้กันค่ะ

ประวัติของวัดพระศรีมหาธาตุ
ก่อนที่วัดพระศรีมหาธาตุจะใช้ชื่อนี้นั้น แต่เดิมใช้ชื่อว่า “วัดประชาธิปไตย” มาก่อนค่ะ ที่เป็นเช่นนี้เพราะภายหลังจากที่ไทยเราเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยมาได้เพียง 8 ปี คือในปี พ.ศ.2483 คณะรัฐบาลที่นำโดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้มีมติให้ริเริ่มสร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยให้สร้างใกล้ ๆ กับอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ย่านหลักสี่ ซึ่งท่านก็ได้ให้เหตุผลว่า ชาติกับศาสนาเป็นของคู่กัน จะแยกขาดจากกันไม่ได้ และหลักธรรมของพระพุทธศาสนาสอดคล้องกับระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ทั้งนี้ท่านก็มีความประสงค์ให้สร้างวัดแห่งนี้เสร็จทันวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2484 ซึ่งตรงกับวันชาติ แต่ในระหว่างการก่อสร้าง นาวาเอก หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ที่เป็นหัวหน้าของคณะทูตไทยพิเศษก็ได้เดินทางไปยังประเทศอินเดีย เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีและได้ขออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ขุดพบบริเวณมหาสถูปธรรมราชิกะ กิ่งพระศรีมหาโพธิ์ทั้ง 5 กิ่ง และดินจากสังเวชนียสถานทั้งสี่แห่งที่รัฐบาลอินเดียได้มอบให้มาประดิษฐานไว้ที่วัดและเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น “วัดพระศรีมหาธาตุ” นั่นเองค่ะ

เลอหรีด บริการจัดส่งพวงหรีดวัดพระศรีมหาธาตุ ถึงศาลา ฟรี!ค่าจัดส่ง สั่งด่วน คลิกเลย
นอกจากนี้ระหว่างที่สร้างวัดพระศรีมหาธาตุขึ้น รัฐบาลในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามยังเห็นว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของไทยและการสร้างวัดแห่งนี้ก็เป็นงานของชาติเราด้วย จึงเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริจาคทรัพย์สินตามจิตศรัทธา ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้บริจาคทั้งเงินทอง ที่ดิน และทรัพย์สมบัติมากมาย จนสามารถสร้างวัดได้เสร็จสมบูรณ์และถวายเป็นเสนาสนะแห่งพระภิกษุสงฆ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2485 ในปัจจุบัน วัดพระศรีมหาธาตุแห่งนี้เป็นวัดที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมมาทำบุญไหว้พระ เพื่อความเป็นสิริมงคล และประกอบพิธีทางศาสนาต่าง ๆ รวมไปถึงยังมีสถาปัตยกรรม ปูชนียสถาน และสิ่งสำคัญที่น่าสนใจภายในวัดให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างมาเที่ยวชมและศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศอีกด้วยค่ะ

สถาปัตยกรรมและสิ่งสำคัญต่าง ๆ ที่น่าสนใจภายในวัดพระศรีมหาธาตุ
1. พระเจดีย์ศรีมหาธาตุ
เป็นพระเจดีย์ทรงกลมองค์ใหญ่สีขาวที่ตั้งอยู่กลางวัดอย่างโดดเด่นเป็นสง่า ซึ่งตรงฐานของพระเจดีย์ด้านนอกก็มีจารึกที่บันทึกเกี่ยวกับการสร้างวัดไว้ค่ะ เมื่อเข้าไปข้างในก็เป็นห้องโถงทรงกลมและมีพระเจดีย์องค์เล็กสีทองงดงามอร่ามตั้งอยู่ตรงกลางอีกชั้นหนึ่ง ภายในพระเจดีย์องค์เล็กนี้เองเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุกับดินจากสังเวชนียสถานทั้งสี่แห่งที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดียนี้ด้วยนะคะ ส่วนที่ผนังของพระเจดีย์องค์ใหญ่ยังทำเป็นช่องไว้ทั้งหมด 112 ช่อง เพื่อใช้เป็นช่องบรรจุอัฐิของบุคคลที่มีชื่อเสียงและทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นจอมพล ป. พิบูลสงคราม, พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา, นายปรีดี พนมยงค์, นายทวี บุญยเกตุ เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนที่เลอหรีดได้กล่าวมานี้ก็ล้วนแล้วแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ.2475 แทบทั้งสิ้น
2. พระอุโบสถ
อยู่ทางด้านหลังของพระเจดีย์ศรีมหาธาตุ หากมองไกล ๆ แล้วจะมีลักษณะคล้ายพระอุโบสถในวัดเบญจมบพิตรก็ตรงที่เป็นรูปทรงพระที่นั่งจตุรมุข ซึ่งมุขแต่ละด้านก็จะมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นภาพวาดจำลองของปูชนียสถานสำคัญในแต่ละภาคของประเทศ โดยมีระเบียงคดล้อมรอบพระอุโบสถอยู่ค่ะ และภายในระเบียงคดนี้ก็จะมีพระพุทธรูปที่ประชาชนและตระกูลต่าง ๆ ถวายให้แก่วัดประดิษฐานไว้อยู่ด้วย นอกจากนั้นยังมีพระประธานในพระอุโบสถนามว่า “พระศรีสัมพุทธมุนี” ประดิษฐานอยู่ทางมุขด้านหลังของพระอุโบสถ ซึ่งพระศรีสัมพุทธมุนีนี้เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยปางมารวิชัยที่แต่เดิมได้ประดิษฐานไว้ ณ วังหน้านั่นเองค่ะ
3. ต้นพระศรีมหาโพธิ์
เป็นต้นเดียวกันกับกิ่งพระศรีมหาโพธิ์ที่นาวาเอก หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เคยได้รับมอบจากรัฐบาลอินเดียมาปลูกไว้อยู่กลางสระน้ำด้านข้างองค์พระเจดีย์ศรีมหาธาตุ โดยมีพระพุทธรูปปางสมาธินั่งสงบนิ่งอยู่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นี้นั่นเองค่ะ
วิธีเดินทางไปวัดพระศรีมหาธาตุ
สำหรับใครที่จะมายังวัดพระศรีมหาธาตุล่ะก็…เดินทางง่ายมากเลยค่ะ เพียงแค่นั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุและเดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึงตัววัดแล้ว แต่ถ้าต้องการจะสั่งพวงหรีดไปส่งที่วัด เลอหรีดก็พร้อมจัดส่งฟรีถึงหน้าศาลาจัดงานด้วยค่ะ
รู้ประวัติวัดพระศรีมหาธาตุไปแล้ว หากต้องการสั่งพวงหรีด ก็สามารถสั่งได้ที่ พวงหรีด วัดพระศรี ร้าน LeWreath เราพร้อมให้บริการจัดพวงหรีดคุณภาพและมีบริการจัดส่งฟรีถึงวัดค่ะ

หากใครได้ยินชื่อ “วัดธาตุทอง” แล้วล่ะก็… เป็นต้องร้อง “อ๋อ!” อย่างแน่นอน เพราะอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัยเลยล่ะค่ะ แต่ทราบหรือไม่คะว่ากว่าจะเป็นวัดชื่อดังย่านสุขุมวิทอย่างทุกวันนี้ได้นั้น วัดแห่งนี้ก็มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว วันนี้เลอหรีดเลยจะพาทุกคนมานั่งรถไฟฟ้า BTS เที่ยวชมพร้อมบอกเล่าเรื่องราวน่ารู้ต่าง ๆ ให้ได้ทราบกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ตามกันเล้ยยย!!!

ประวัติความเป็นมาของวัดธาตุทอง
วัดธาตุทองตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัย ถือว่าเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2481 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2483 แต่กว่าจะเป็นวัดอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน จริง ๆ แล้ววัดแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมาก ๆ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธานีกันเลยทีเดียว เนื่องจากพื้นที่นี้แต่เดิมเป็นที่ตั้งของวัดหน้าพระธาตุกับวัดทองล่างค่ะ ซึ่งวัดหน้าพระธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาและตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่มาของชื่อวัดก็มาจากหน้าวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน ส่วนวัดทองล่างนั้นเดิมทีเป็นสวนผลไม้ที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน เจ้าของสวนเห็นว่าต้นโพธิ์ควรเป็นต้นไม้ในวัดมากกว่าที่จะปลูกไว้ในบ้าน ประกอบกับไม่ต้องการโค่นทิ้ง เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและครอบครัว จึงได้บริจาคที่ดินในบริเวณนั้นเพื่อสร้างเป็นวัดเล็ก ๆ ขึ้นมาและตั้งชื่อว่า “วัดโพธิ์สุวรรณาราม” หรือ “วัดโพธิ์ทอง” ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นได้เรียกชื่ออย่างสั้น ๆ ว่า “วัดทอง” แต่ทว่าตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งตอนบนและตอนล่างมีวัดทองอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดทองล่าง” ค่ะ

เลอหรีด บริการจัดส่งพวงหรีด วัดธาตุทอง ถึงศาลา ฟรีค่าจัดส่ง สั่งเลย
การเปลี่ยนชื่อครั้งสำคัญของวัดธาตุทอง
พอเวลาผ่านไปจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2480 รัฐบาลในสมัยนั้นต้องการขอเวนคืนพื้นที่วัดหน้าพระธาตุกับวัดทองล่างเพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ จึงได้ย้ายเสนาสนะและถาวรวัตถุของทั้งสองวัดมาปลูกสร้างรวมกันที่ตำบลคลองบ้านกล้วย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ที่เป็นทั้งเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุตและเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร มาเป็นองค์อุปถัมภ์ และนำชื่อของวัดทั้งสองแห่งรวมกันตั้งชื่อใหม่ว่า “วัดธาตุทอง” ย้ายมาเมื่อปี พ.ศ.2481 ค่ะ ต่อมาในปี พ.ศ.2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณารับวัดธาตุทองไว้ในพระอุปถัมภ์และประทานสัญลักษณ์ใหม่ให้แก่วัด และในปี พ.ศ. 2555 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกวัดธาตุทองให้เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ จวบจนถึงปัจจุบันค่ะ

สถาปัตยกรรมภายในวัดธาตุทอง
เมื่อเดินเข้าไปในวัดธาตุทองแล้วก็จะพบกับสถาปัตยกรรมและสิ่งสำคัญที่น่าสนใจต่าง ๆ ดังนี้คือ…
- 1. พระอุโบสถ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2490 โดยมีขนาดความกว้าง 10 เมตร ยาว 24 เมตร ภายในพระอุโบสถประดิษฐาน “พระสัพพัญญู” พระประธานประจำพระอุโบสถ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2495, พระพุทธชินินทร ที่เป็นพระประจำอุโบสถ สมัยอู่ทอง และพระพุทธมนต์ปรีชา สุโขทัย ที่เป็นพระประธานหอประชุม
- 2. พระวิหาร “ลิมปาภรณ์” เป็นพระวิหารหลังเก่าที่มีความสวยงามทางสถาปัตยกรรม สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2514 ภายในประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน ปัจจุบันพระวิหารหลังนี้ใช้เป็นห้องเรียนธรรมะในวันอาทิตย์
- 3. พระมหาเจดีย์ 84 พรรษา ราชนครินทร์ เป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2553 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยใช้เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปจากทั่วโลก รวมไปถึงพระบรมสารีริกธาตุจากหลวงพ่อไจทีเซา เจ้าอาวาสวัดไจทีเซา ในประเทศพม่าด้วย
- 4. หลวงพ่อพระพุทธอภิบาลปวงชน สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2525 มีขนาดหน้าตักกว้าง 32 นิ้ว
- 5. พระเจดีย์ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งย้ายมาจากวัดหน้าพระธาตุ
- 6. พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุอินทร์แขวนจำลอง
- 7. ศาลาการเปรียญ มีลักษณะเป็นฌาปนสถานทรงไทย
หลังจากที่เลอหรีดพาเพื่อน ๆ เที่ยวชมวัดธาตุทองพร้อมกับเล่าประวัติความเป็นมากันไปแล้ว หากมีเวลาว่างก็สามารถมาทำบุญไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลให้แก่ตัวเองได้ทุกเมื่อเลยนะคะ แต่ถ้าใครจะสั่งซื้อพวงหรีดเพื่อแสดงความอาลัยก็สั่งซื้อที่ พวงหรีด วัดธาตุทอง ได้เลยค่ะ


พวงหรีดดอกไม้สดถือได้ว่าเป็นพวงหรีดยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้เพื่อแสดงความอาลัยต่อการจากไปของผู้ล่วงลับ เพราะนอกจากจะให้ความสวยงามและสร้างบรรยากาศที่สดชื่นภายในงานแล้ว ดอกไม้แต่ละชนิดยังซ่อนคุณค่าและความหมายอยู่ในนั้นด้วยค่ะ แต่ด้วยความที่พวงหรีดประเภทนี้มีรูปแบบต่าง ๆ มากมาย ทำให้หลายคนกังวลว่าจะเลือกไม่ถูก หรือไม่เหมาะสม ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะเลอหรีดมีกลเม็ดเคล็ดลับทั้ง 5 วิธีในการเลือกมาฝากกันค่ะ
1. เลือกร้านพวงหรีดที่มีความน่าเชื่อถือ
ถ้าเป็นสมัยก่อน คนส่วนใหญ่มักจะนิยมไปซื้อพวงหรีดดอกไม้สดที่หน้าร้านพวงหรีดโดยตรง แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไปจนมาเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผู้คนก็เริ่มหันมาสั่งซื้อพวงหรีดผ่านทางออนไลน์กันมากขึ้นจากร้านพวงหรีดออนไลน์ที่เปิดใหม่อย่างมากมายแทน จนทำให้บางครั้งหลายคนอาจสับสนหรือเลือกซื้อไม่ถูกได้ ซึ่งวิธีการเลือกซื้อในอันดับแรกง่ายนิดเดียวคือการเลือกร้านพวงหรีดที่มีความน่าเชื่อถือค่ะ โดยดูภาพลักษณ์ของร้านว่าเว็บไซต์สวยงามและดูดีหรือไม่ มีรูปพวงหรีดต่าง ๆ พร้อมบอกราคาที่ชัดเจนหรือเปล่า มีช่องทางการติดต่อหรือสั่งซื้อสินค้าหลากหลายช่องทางอย่างไรบ้าง เพื่อให้ลูกค้าติดต่อได้อย่างสะดวก และถ้าดูรีวิวของลูกค้าที่เคยสั่งซื้อด้วยได้ก็จะดีมาก ๆ เพราะเราจะได้มั่นใจได้ว่าพวงหรีดของร้านนั้น ๆ สวยและมีคุณภาพดี ราคาคุ้มค่าค่ะ

2. เลือกพวงหรีดดอกไม้ที่สดใหม่ สวยงาม คุณภาพดี และราคาคุ้มค่า
การเลือกซื้อพวงหรีดดอกไม้สดนั้น นอกจากเราจะดูภาพตัวอย่างแล้วยังต้องดูถึงคุณภาพของดอกไม้สดด้วยค่ะว่าดอกไม้สดแต่ละชนิดที่นำมาใช้นั้นสดใหม่หรือเปล่า? อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบพวงหรีดมีคุณภาพที่ดีและราคาคุ้มค่ามั้ย? แล้วช่างจัดดอกไม้มีความเป็นมืออาชีพหรือเชี่ยวชาญในการจัดดอกไม้หรือไม่? และรูปแบบในการจัดตกแต่งพวงหรีดเป็นอย่างไรบ้าง? ซึ่งเราสามารถตัดสินใจในการเลือกซื้อได้จากการดูรีวิวสินค้าพวงหรีดที่ลูกค้าคนก่อน ๆ เคยรีวิวไว้ค่ะ

3. เลือกพวงหรีดให้เหมาะสมกับวัยและฐานะของผู้ล่วงลับ
นอกจากเราจะคำนึงถึงความสวยงามและคุณภาพของพวงหรีดดอกไม้สดแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องคำนึงถึงไม่แพ้กันก็คือควรเลือกมอบให้เหมาะสมกับวัยและฐานะของผู้ล่วงลับด้วยค่ะ เพราะแสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของผู้ที่มอบพวงหรีดได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราควรเลือกพวงหรีดที่แสดงถึงความเคารพ ความสุภาพ และความอาลัยรักต่อผู้ล่วงลับ โดยสามารถดูได้จากความหมายดี ๆ ที่แฝงอยู่ในดอกไม้แต่ละชนิด โทนสีของทั้งดอกไม้และพวงหรีด และการประดับตกแต่งพวงหรีด เป็นต้น

4. เลือกจากโทนสีของพวงหรีดดอกไม้สด
ทั้งสีสันของดอกไม้และโทนสีของพวงหรีดก็ถือว่าเป็นหลักพิจารณาที่สำคัญในการมอบให้แก่ผู้ล่วงลับไม่แพ้กันเลยค่ะ เพราะแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการเลือกมอบพวงหรีดของผู้ให้ที่มีต่อผู้ล่วงลับ ดังนั้นหากผู้ล่วงลับแตกต่างจากผู้มอบให้ทั้งในเรื่องวัย สถานะ และฐานะ พวงหรีดดอกไม้สดก็จะต้องมีโทนสีที่แตกต่างกันตามไปด้วย ดังนี้
- 1. พวงหรีดโทนสีฟ้าเหมาะกับผู้ล่วงลับที่เป็นเด็กผู้ชายหรือผู้ชายที่อายุยังน้อย
- 2. พวงหรีดโทนสีชมพูเหมาะกับผู้ล่วงลับที่เป็นผู้หญิง
- 3. พวงหรีดโทนสีม่วงเหมาะกับผู้ล่วงลับที่เป็นผู้อาวุโส ผู้ที่มีตำแหน่งหรือเกียรติทางสังคม หรือหน่วยงานที่ต้องการความเคารพนับถือ
- 4. พวงหรีดโทนสีขาวเหมาะกับผู้ล่วงลับที่เป็นบุคคลที่มีทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ หรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการความสุภาพ
- 5. พวงหรีดโทนสีขาว-เขียว เหมาะกับผู้ล่วงลับที่เป็นญาติผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส หรือครูบาอาจารย์
- 6. พวงหรีดโทนสีแดง-ส้มเหมาะกับผู้ล่วงลับที่เป็นเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท เพื่อนสมัยเรียน หรือเพื่อนร่วมงาน
- 7. พวงหรีดโทนหลากสีสันผู้ล่วงลับที่เป็นผู้ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ล่วงลับ, ครอบครัว รวมไปถึงบุคคลสาธารณะ
5. เลือกมอบพวงหรีดดอกไม้สดในช่วงเวลาที่เหมาะสม
หากต้องการเลือกมอบพวงหรีดดอกไม้สด เพื่อแสดงความอาลัยต่อผู้ล่วงลับ ควรเลือกมอบในช่วงก่อนที่พิธีสวดพระอภิธรรมศพจะเริ่มขึ้นค่ะ เพราะแสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ ความเคารพ และความอาลัยต่อผู้ล่วงลับอย่างจริงใจค่ะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาพวงหรีดดอกไม้สดอยู่ อย่าลืมแวะมาเลือกซื้อกันได้ที่ร้านเลอหรีดนะคะ เพราะนอกจากจะมีช่องทางการสั่งซื้อหลากหลายช่องทางแล้วยังมีบริการจัดส่งฟรีในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และบางเขตในปริมณฑลอีกด้วย รับรองว่าลูกค้าจะต้องประทับใจทั้งสินค้าและการบริการอย่างแน่นอนค่ะ